บทนำ - RF Lens World - Canon Thailand

    ลนส์ซีรีย์ L — ที่สุดแห่งการผสมผสานเทคโนโลยีออพติคอลจาก Canon

    เส้นสีแดงบางๆ รอบท่อเลนส์

    เส้นสีแดงคือสัญลักษณ์แห่งความสามารถในการแสดงภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และความน่าเชื่อถืออันเหนือชั้นของเลนส์ “L” ระดับมืออาชีพจาก Canon ตัวอักษร “L” ย่อมาจาก Luxury (ความหรูหรา) และเป็นชื่อที่ตั้งให้กับเลนส์ที่มีวัสดุออพติคอลคุณภาพสูงอย่างแท้จริงเท่านั้น เช่น เลนส์ฟลูออไรต์และเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมสมรรถนะสูง Canon เปิดตัวเลนส์ “L” เป็นครั้งแรกในปี 2521 และเทคโนโลยีความก้าวหน้าที่ได้เปิดตัวไปพร้อมกับเลนส์นี้ก็ถูกส่งต่อและพัฒนาเรื่อยมาในซีรีย์ EF จนถึงเลนส์ซีรีย์ RF ในปัจจุบันในส่วนนี้เราจะมาย้อนรอยประวัติศาสตร์และทบทวนจุดประสงค์ของเลนส์ซีรีย์ L กัน

    ที่มาของอักษร “L”

    Fluorite

    ฟลูออไรต์

    ประวัติศาสตร์ในการผลิตเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ของ Canon เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2489 เลนส์รุ่นแรกที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาและผลิตเองคือ Serenar 50mm f/3.5 I และเพียง 5 ปีหลังจากนั้นก็ตามมาด้วย Serenar 50mm f/1.8 I ซึ่งเป็นเลนส์ที่สามารถสร้างความประทับใจให้นักออกแบบเลนส์ทั่วโลกด้วยความละเอียดสูงและกลายเป็นเลนส์ที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ ของโลก เทคโนโลยีออพติคอลของ Canon จึงเป็นที่สนใจของช่างภาพทั่วโลก

    Canon ก้าวเข้าสู่โลกของกล้อง SLR เป็นครั้งแรกในปี 2502 Canon ได้เปิดตัวเลนส์เมาท์แบบถอดเปลี่ยนได้ในเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตกล้องและเลนส์รายใหญ่ พร้อมทั้งช่วยให้ Canon มีชื่อเสียงในด้านการสร้างนวัตกรรมอย่างมั่นใจและเทคโนโลยีใหม่ๆ

    ในปี 2512 Canon เริ่มใช้วัสดุฟลูออไรต์กับเลนส์กล้องของตนเอง ซึ่งมีคุณสมบัติที่ไม่สามารถพบได้ในกระจกเลนส์รุ่นเก่าๆ FL-F300mm f/5.6 ซึ่งเป็นเลนส์รุ่นแรกที่ใช้ฟลูออไรต์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเลนส์ประสิทธิภาพสูง ถือได้ว่าเลนส์นี้เป็นเลนส์รุ่นแรกที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพสูงสุดของแบรนด์เลนส์ “L” ในขณะนั้น “เลนส์ออพติคอลชนิดพิเศษ” (ซึ่งรวมถึงเลนส์ที่ใช้ชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์) จะมีเส้นสีเขียวอยู่บนท่อเลนส์

    ในปี 2514 ระบบเมาท์ของ Canon ก็ได้พัฒนามาเป็นเมาท์ FD เลนส์ FD55mm f/1.2AL ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับกล้องเมาท์ FD ได้จุดประกายความสนใจให้กับผู้รักการถ่ายภาพเนื่องจากมีชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมสำหรับกล้อง SLR ที่ไม่มีกระจกแบบหดได้รุ่นแรกของโลก คำว่า “ASPHERICAL” (แก้ความคลาดทรงกลม) ในตัวอักษรสีทองได้ถูกสลักลงไปบนเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ทุกรุ่นที่ใช้ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบเจียร ในเวลาไม่นาน ชิ้นเลนส์นี้ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพของเลนส์สำหรับช่างภาพมืออาชีพ

    Canon ก้าวเข้าสู่ “ยุคแห่งเส้นสีแดง”

    FD300mm-f_4L

    FD300mm f/4L

    เส้นสีแดงเผยโฉมให้เห็นเป็นครั้งแรกบนเลนส์ FD 300mm f/4L สุดล้ำสมัยที่เปิดตัวในเดือนธันวาคม ปี 2521 Canon นำเส้นสีแดงมาใช้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของเลนส์ที่ออกแบบด้วยวัสดุออพติคอลชนิดพิเศษ เช่น ชิ้นเลนส์ฟลูออไรต์และชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบเจียร นี่คือจุดเริ่มต้นของซีรีย์ “เลนส์ L” ซึ่งเป็นชื่ออันทรงเกียรติที่สงวนไว้สำหรับเลนส์ที่มีคุณภาพสูงอย่างเหนือชั้นเท่านั้น

    ตัวอักษร “L” ย่อมาจาก “Luxury” (ความหรูหรา) เรียกได้ว่าเป็นคำที่เหมาะสำหรับการออกแบบออพติคอลและคุณภาพอันโดดเด่นของเลนส์เหล่านี้ซึ่งได้รวมเอาจุดแข็งของ Canon ในด้านเทคโนโลยีออพติคอลอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีการประมวลผลความแม่นยำสูงเข้าไว้ด้วยกัน

    เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นเลนส์ “L” เลนส์แต่ละรุ่นจะต้องมีประสิทธิภาพด้านออพติคอลในระดับสากลโดยการใช้วัสดุออพติคอลชนิดพิเศษ เช่น ผลึกฟลูออไรต์สังเคราะห์ ชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบเจียร ชิ้นเลนส์ UD/Super UD และ/หรือชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมความแม่นยำสูงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่

    ความก้าวหน้าใหม่ๆ ในการออกแบบออพติคอลทำให้เลนส์มีประสิทธิภาพด้านออพติคอลที่เหนือชั้นได้โดยไม่ต้องใช้วัสดุพิเศษเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เลนส์ทุกรุ่นที่มีสัญลักษณ์ตัว “L” จะต้องมีประสิทธิภาพในระดับที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเลนส์ในประเภทเดียวกัน ประสิทธิภาพที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ด้านออพติคอลเท่านั้น แต่รวมถึงคุณภาพของระบบขับเคลื่อนเลนส์ ความสามารถในการใช้งาน ความทนทานต่อสิ่งแวดล้อม และความแข็งแกร่งด้วย ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เหล่านี้ต้องมีมาตรฐานระดับสูงเพื่อการใช้งานแบบมืออาชีพ และ Canon ยังต้องการให้โครงสร้างรองรับของเลนส์ L มีขนาดกะทัดรัดและเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยที่ยังคงความสามารถในการใช้งานที่ดีเยี่ยมแม้ประสิทธิภาพด้านออพติคอลจะสูงยิ่งขึ้น หากเป็นเลนส์ในซีรีย์ L Canon ต้องการมั่นใจว่าเลนส์มีคุณภาพสูงสุดแม้แต่ในด้านการประมวลผล การควบคุมความคลาดเคลื่อน และเทคโนโลยีการผลิต

    เลนส์ท่อสีขาวอันโด่งดัง

    White Lens

    เลนส์สีขาว

    ไม่ว่าพูดถึงเลนส์ L ด้วยเรื่องใด ประเด็นที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “ท่อสีขาว” อันโด่งดัง เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่ Canon เคลือบท่อเลนส์เทเลโฟโต้ด้วยวัสดุสีขาวที่ทำให้เลนส์ดูโดดเด่นขึ้นมาในทันที ทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2503 เมื่อการเคลือบสีขาวถูกนำมาใช้กับเลนส์กระจก TV 2000mm 1:11.0 ซึ่งเป็นเลนส์สำหรับกล้องบรอดคาสต์ เลนส์เทเลโฟโต้สำหรับกล้อง SLR ก็ใช้การเคลือบแบบเดียวกันนี้ในปี 2519 แต่ทำไมต้องเป็นสีขาว คำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว การเคลือบสีขาวจะช่วยปกป้องเลนส์จากความร้อน เมื่อติดตั้งเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ลงไปบนขาตั้งกล้องและปล่อยทิ้งไว้กลางแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน อุณหภูมิจะสูงขึ้นมากจนทำให้ประสิทธิภาพด้านออพติคอลลดลง Canon จึงทาสีท่อเลนส์เทเลโฟโต้ด้วยสีขาวเพื่อลดผลกระทบจากปัญหานี้หลายปีที่ผ่านมา

    เฉดสีขาวเช่นนี้ที่ใช้กับท่อเลนส์ของ Canon มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีการนำรงควัตถุสะท้อนแสงอินฟราเรดมาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์ให้มากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีอินฟราเรด) จึงสามารถลดปัญหาการดูดซับความร้อนได้ สีกันความร้อนที่พัฒนาขึ้นใหม่และมีสีแตกต่างไปจากการเคลือบสีขาวแบบเดิมใช้รงควัตถุสะท้อนแสงอินฟราเรดแทนผงคาร์บอนสีดำเพื่อให้สามารถสะท้อนแสงได้ดียิ่งขึ้น สีนี้ทนต่อรอยขีดข่วนและสภาพอากาศ และยังไม่เปลี่ยนสีแม้ถูกแสงแดดเป็นระยะเวลานาน และ Canon ยังคงพยายามพัฒนาประสิทธิภาพต่อไปให้ดียิ่งกว่าการเคลือบเลนส์สีขาว

    เป้าหมายสูงสุดของเลนส์ซีรีย์ L: เพื่ออยู่เหนือทุกความคาดหมาย

    TH-photo04-05

    กล้องและเลนส์ของ Canon มีวิวัฒนาการมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เมาท์ FD จนมาถึงเมาท์ EF และระบบเมาท์ RF ล่าสุด การพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านคุณภาพของ Canon คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นในความก้าวหน้าของเลนส์ซีรีย์ L ซีรีย์ f/2.8L ซึ่งเป็นเลนส์ที่โด่งดังที่สุดซีรีย์หนึ่งก็มีการพัฒนามาพร้อมกับกล้องระดับมืออาชีพอย่างซีรีย์ EOS-1 และ EOS 5 เลนส์ซูมซีรีย์ f/4L ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นเลนส์ซูมที่พกพาได้สะดวกและมีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้นและมีคุณภาพของภาพสูงเช่นเดียวกับซีรีย์ f/2.8L แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่ช่วยสร้างความเป็นไปได้และทางเลือกใหม่ๆ ได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่สำหรับมืออาชีพเท่านั้น แต่รวมถึงช่างภาพทุกคน

    Canon ไม่เคยลดมาตรฐานลงหากต้องตัดสินว่าเลนส์ใดควรค่าแก่การใช้ชื่อว่าเลนส์ “L” ยังสามารถถ่ายภาพให้ดูดีได้หรือไม่หากใช้รูรับแสงกว้าง เลนส์มีโอกาสเกิดความคลาดต่างๆ เช่น แสงแฟลร์และแสงหลอกน้อยลงหรือไม่ สามารถถ่ายภาพให้มีความเปรียบต่างสูงได้หรือไม่หากถ่ายย้อนแสง Canon จะสามารถตอบสนองและทำได้ดีเหนือกว่าความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ของช่างภาพมืออาชีพได้หรือไม่

    Canon ไม่ยอมรับมาตรฐานคุณภาพที่ต่ำกว่าระดับสูงสุดและไม่เคยหยุดนิ่งในการพยายามยกระดับเทคโนโลยีออพติคอลให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในวันนี้เป็นเพียงแค่การเดินทางอีกก้าวหนึ่งไปสู่นวัตกรรมในอนาคต เลนส์ซีรีย์ “L” คือตัวแทนความเหนือชั้นจากความพยายามของ Canon ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดในการถ่ายภาพ