แคนนอน เปิดตัว MS-500 กล้องวิดีโอที่รองรับการบันทึกภาพด้วยความไวแสงสูงระดับอัลตร้า ที่ใช้เซ็นเซอร์ SPAD รุ่นแรกของโลก - Canon Thailand

    แคนนอน เปิดตัว MS-500 กล้องวิดีโอที่รองรับการบันทึกภาพ
    ด้วยความไวแสงสูงระดับอัลตร้าที่ใช้เซ็นเซอร์ SPAD รุ่นแรกของโลก1
    สร้างมาตรฐานใหม่ของงานเฝ้าระวังความปลอดภัยในที่แสงน้อยขั้นสุด

    ยกระดับงานเฝ้าระวังด้วยประสิทธิภาพการบันทึกภาพสี ความคมชัดสูง
    แม้ต้องถ่ายวัตถุที่อยู่ไกลหลายกิโลเมตร ในเวลากลางคืนที่แทบไม่มีแสง

    แคนนอน (Canon) เปิดตัว MS-500 กล้องวิดีโอแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ รองรับการบันทึกภาพความไวแสงสูงระดับอัลตร้าที่ใช้เซ็นเซอร์ Single Photon Avalanche Diode (SPAD) ขนาด 1.0 นิ้วที่มอบความละเอียดภาพสูงสุดในโลกที่ 3.2 ล้านพิกเซล2 โดยกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงเดือนกันยายนนี้

    พื้นที่ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยสูง เช่น ท่าเรือ โครงสร้างสาธารณูปโภค และพรหมแดน จำเป็นต้องมีระบบการเฝ้าระวังที่มีความแม่นยำสูงซึ่งต้องจับภาพเป้าหมายได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน MS-500 เป็นกล้องวิดีโอรุ่นใหม่ที่ใช้เซ็นเซอร์ SPAD รุ่นแรกของโลกเพื่อการบันทึกวิดีโอเป็นภาพสีกับวัตถุที่มีความสว่างเพียง 0.001 ลักซ์3 ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับเลนส์บรอดคาสต์ที่มีทางยาวโฟกัสอัลตร้าเทเลโฟโต้คุณภาพสูงก็จะสามารถจับภาพวัตถุที่อยู่ไกลออกไปได้หลายกิโลเมตรแม้ถ่ายในที่มืดในเวลากลางคืน โดย MS-500 จะมาเติมเต็มและเสริมแกร่งให้กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องความไวแสงสูงระดับอัลตร้าตระกูล Canon ME20/ML Series4 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของการเฝ้าระวังขั้นสูงยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น

    ผสานพลังเซ็นเซอร์ SPAD และเลนส์บรอดคาสต์เพื่องานเฝ้าระวังจากระยะไกลในยามค่ำคืน

    เซ็นเซอร์ SPAD ใช้เทคโนโลยี “Photon Counting” ซึ่งคำนวณอนุภาคแสง (โฟตอน) ที่แต่ละพิกเซลวัดได้ ดังนั้น แม้พิกเซลจะจับอนุภาพแสงได้เพียงอนุภาคเดียว ก็สามารถขยายค่าแสงได้ราว 1 ล้านเท่าและแปรเป็นประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้สามารถตรวจจับแสงได้แม้ในปริมาณน้อย นอกจากนี้ ทุกๆ โฟตอนเหล่านี้ยังสามารถนับรวมในแบบดิจิทัลได้ ดังนั้น จึงสามารถขจัดสัญญาณรบกวน (Noise) ได้ในระหว่างการอ่านสัญญาณ ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบหลักของเซ็นเซอร์ประเภท SPAD ที่ช่วยให้ถ่ายวิดีโอภาพสีได้ชัดเจนแม้ในสภาวะที่มีแสงต่ำกว่า 0.001 ลักซ์ นอกจากนี้ การใช้เมาท์เลนส์แบบ Bayonet (ตามมาตรฐาน BTA S-1005B) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับเลนส์บรอดคาสต์ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์เลนส์บรอดคาสต์ของแคนนอนซึ่งมีความสามารถในการซูมไกลพิเศษได้หลากหลายรุ่น ช่วยให้ตรวจจับวัตถุที่อยู่ไกลหลายกิโลเมตรได้อย่างชัดเจนแม้ในความมืดยามค่ำคืน

    การปรับปรุงการบันทึกภาพ พร้อมฟังก์ชั่นลดนอยส์และความพร่ามัว ยกระดับการเฝ้าระวังขั้นสูง

    ในการจับภาพตอนกลางคืนและการเฝ้าระวังระยะไกล ผลกระทบของสัญญาณรบกวนและการสั่นสะเทือนของชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแสงน้อย อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องความคมชัดของวิดีโอ และเพื่อแก้ไขปัญหานี้ MS-500 จึงติดตั้งระบบ “CrispImg2” มาเป็นคุณสมบัติมาตรฐาน เพื่อช่วยปรับค่าความคมชัด กราฟแกมมา และลดสัญญาณรบกวน (Noise) ให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการบันทึกภาพ โดยสาามารถกำหนดเองได้เพื่อให้สามารถตั้งค่าคุณภาพของภาพได้ตามรูปแบบการใช้งาน ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างชัดเจนทุกเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้ง MS-500 ยังมีฟังก์ชัน “Haze Compensation” เพื่อช่วยลดความพร่ามัวจากควันหรือหมอก โดยระบบจะปรับค่าให้โดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้คอนทราสต์ที่เหมาะสมและปรับปรุงภาพเพื่อมอบคุณภาพของงานวิดีโอที่ดีขึ้น

    โดย MS-500 จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เป็นต้นไป

    คุณสมบัติหลัก

    1. ผสานพลังเซ็นเซอร์ SPAD และเลนส์บรอดคาสต์ เพื่องานเฝ้าระวังจากระยะไกลในเวลากลางคืน

    • เซ็นเซอร์ SPAD ใช้เทคโนโลยี “Photon Counting” ซึ่งคำนวณจากอนุภาคแสง (โฟตอน) ที่แต่ละพิกเซลวัดได้ (แตกต่างจาก “วิธีการสะสมประจุไฟฟ้า” ของเซ็นเซอร์ CMOS ซึ่งวัดปริมาณแสงที่สะสมในพิกเซลในช่วงเวลาหนึ่ง) โดยจะขยายค่าแสงราว 1 ล้านเท่าและแปรเป็นประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้สามารถตรวจจับแสงได้แม้ปริมาณน้อย นอกจากนี้ ทุกโฟตอนสามารถนับรวมแบบดิจิทัลได้ ดังนั้น จึงสามารถลดสัญญาณรบกวน (Noise) ได้ในระหว่างการอ่านค่าสัญญาณ5
    • สามารถบันทึกภาพสีที่คมชัดระดับ Full HD ได้แม้มีแสงที่วัตถุต่ำเพียง 0.001 ลักซ์

    • ใช้เมาท์เลนส์แบบ Bayonet (เทียบเท่ามาตรฐาน BTA S-1005B) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในเลนส์บรอดคาสต์ จึงสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์บรอดคาสต์ของแคนนอนที่สามารถซูมไกลพิเศษได้หลากหลายรุ่น
    • แคนนอนมีการออกแบบกระบอกเลนส์และเทคโนโลยีการเคลือบผิวเลนส์ที่ช่วยลดแสงสะท้อนที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้สามารถบันทึกภาพวิดีโอได้เคลียร์ใสโดยมีแสงโกสต์และแสงแฟลร์รบกวนน้อย อีกทั้งระบบดิจิทัลเซอร์โว ยูนิตไดรฟ์แบบดิจิทัล และตัวเข้ารหัสความละเอียดสูง ทำให้สามารถซูม โฟกัส และเปิด-ปิดม่านรับแสงได้ด้วยความเร็วและความแม่นยำสูง

    ความสามารถในการซูมไกลพิเศษของเลนส์บรอดคาสต์ของแคนนอนทำให้สามารถมองเห็นวัตถุระยะไกลมาก
    (ขยายภาพจากวงสีแดงของภาพซ้าย) เลนส์ที่ใช้: CJ45ex13.6B IASE-V H


    2. ฟังก์ชั่นปรับแก้ภาพ (Image Correct) ช่วยให้สามารถเห็นภาพได้ดีขึ้น มาพร้อมคุณสมบัติลดสัญญาณรบกวน (Noise) และปรับค่ารูรับแสงที่เหมาะสม

    • "CrispImg2" ช่วยปรับความคมชัด กราฟแกมมา และการลดสัญญาณรบกวนให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการบันทึกภาพเพื่อการเฝ้าระวัง โดยมีการติดตั้งไว้เป็นมาตรฐานในฟังก์ชั่น Custom Picture เพื่อให้สามารถปรับตั้งค่าคุณภาพของภาพได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังสามารถเลือกเป็นการปรับตั้งค่าอัตโนมัติเพื่อลดนอยส์ เพิ่มความคมชัด และการมองเห็นของภาพได้อีกด้วย
    • ฟังก์ชั่น “Smart Shade Control6” ช่วยปรับค่าแสงที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ เพื่อลดเงาในส่วนมืดของภาพและความโพลนของพื้นหลังที่เกิดจากแสงแบ็กไลต์หรือพื้นที่ส่วนมืดในวิดีโอ
    • ฟังก์ชั่น “Haze Compensation6” ช่วยลดความพร่ามัวจากควันหรือหมอก และปรับค่าให้โดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้คอนทราสต์ที่เหมาะสม

    เปรียบเทียบการเปิดและปิดฟังก์ชั่น “Smart Shade Control”

    เปรียบเทียบการเปิดและปิดฟังก์ชั่น “Haze Compensation” on/off


    3. รองรับฟังก์ชั่นการสื่อสารแบบอนุกรม (Serial Communication) สามารถใช้รีโมตควบคุมระยะไกลในการปรับมุมก้ม-เงยและหมุนซ้าย-ขวา (Pan/tilt)  รวมถึงการปรับตั้งค่าคุณภาพของภาพ

    • รองรับโปรโตคอลควบคุมแบบอนุกรมเอกสิทธิ์ของแคนนอน “NU” ซึ่งใช้กับกล้องความไวแสงสูงพิเศษและกล้องวงจรปิดระยะไกลของแคนนอน7
    • รองรับโปรโตคอล “Pelco-D ” ของ Pelco, Inc. ในสหรัฐฯ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายกับกล้องวงจรปิดระยะไกลและหัวแพน-ทิลต์
    • ใช้สายเคเบิลเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบอนุกรมผ่านช่องต่อของเครื่อง เช่น หัวแพน-ทิลต์ที่รองรับโปรโตคอลนี้เข้ากับเทอร์มินัลรีโมตที่แผงด้านหลังของกล้อง MS-500 ทำให้สามารถสั่งการทำงานของตัวกล้อง เลนส์ และหัวแพน-ทิลต์ ได้จากระยะไกลผ่านคำสั่งงานจากอุปกรณ์ควบคุม

    ตัวอย่างแสดงการใช้กล้องที่ติดตั้งบนหัวแพน-ทิลต์


    1 เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ SPAD สำหรับการบันทึกวิดีโอภาพสี ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 จากข้อมูลการวิจัยของแคนนอน
    2 เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องเซ็นเซอร์ SPAD สำหรับการบันทึกวิดีโอ ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 จากข้อมูลการวิจัยของแคนนอน โดยมีจำนวนพิกเซลในการบันทึกภาพจริง (effective pixels) ราว 2.1 ล้านพิกเซล
    3 ภาพสี (Night mode), ไม่มีแสง (no light accumulation), เทียบเท่า f/1.4, ความเร็วชัตเตอร์ 1/30 วินาที, 50IRE, ค่าเกน (gain) สูงสุด
    4 ME20F-SH (วางจำหน่ายเดือนธันวาคม 2558), ME20F-SHN (วางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2561), ML-100 M58 (วางจำหน่ายเดือนธันวาคม 2563), ML-105 EF (วางจำหน่ายเดือนเมษายน 2564)
    5 ดูรายละเอียดเรื่องความแตกต่างระหว่างเซ็นเซอร์ SPAD และเซ็นเซอร์ CMOS ได้จากเว็บไซต์ Canon Technology ที่นี่
    6 ฟังก์ชั่น “Smart Shade Control” และ “Haze Compensation” ไม่สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันได้

    ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง