แคนนอนคว้ารางวัลระดับเหรียญทองสำหรับความพยายามดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยอยู่ในกลุ่มอันดับสูงสุด 5% ของบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั่วโลก - Canon Thailand

    แคนนอนคว้ารางวัลระดับเหรียญทองสำหรับความพยายามดำเนินงานด้านความยั่งยืน
    โดยอยู่ในกลุ่มอันดับสูงสุด 5% ของบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั่วโลก

    จากการจัดอันดับของ EcoVadis ซึ่งเป็นองค์กรจัดอันดับด้านความยั่งยืนทางธุรกิจที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก
    และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส


    รางวัลเหรียญทองจากการจัดอันดับของ EcoVadis

    แคนนอน อิงค์ ประกาศว่าบริษัทได้รับรางวัลระดับเหรียญทองสำหรับความพยายามด้านความยั่งยืนจาก EcoVadis ซึ่งเป็นองค์กรจัดอันดับความยั่งยืนระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส จากการประเมินครั้งนี้ กลุ่มบริษัทแคนนอนถูกจัดอยู่ในอันดับสูงสุด 5% ของบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดทั่วโลก

    EcoVadis ได้ทำการประเมินบริษัทมากกว่า 150,000 บริษัท จาก 250 อุตสาหกรรม ใน 185 ประเทศ โดยอิงตามเกณฑ์ต่าง ๆ ใน ​​4 หัวข้อ ได้แก่ "สิ่งแวดล้อม" "แรงงานและสิทธิมนุษยชน" "จริยธรรม" และ "การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน" และเนื่องมาจากความต้องการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงความพยายามด้านความยั่งยืนขององค์กรระดับโลกที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกจึงได้นำการจัดอันดับของ EcoVadis มาใช้เพื่อการพิจารณาลูกค้าและพันธมิตรที่มีศักยภาพของตน สำหรับการประเมินครั้งล่าสุด กลุ่มบริษัทแคนนอนได้รับคะแนนโดยรวมอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งนับว่าเป็นปีที่ 8 แล้วที่กลุ่มบริษัทแคนนอนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเหรียญทอง


    โครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนของแคนนอน

    แคนนอนนมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อให้บรรลุถึงสังคมที่ยั่งยืน

    แคนนอนได้กำหนดประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประสิทธิภาพทรัพยากร สารเคมี และความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนพัฒนาโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมทางธุรกิจตลอดทั้งวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของแคนนอน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2551 บริษัทได้ทุ่มเทการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในการปรับปรุงดัชนีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์โดยเฉลี่ยปีละ 3% ซึ่งด้วยความพยายามของแคนนอน ส่งผลให้ในระหว่างปี 2551-2566 สามารถปรับปรุงดัชนีการปล่อย CO2 โดยเฉลี่ย 3.95% ต่อปี และมีการปรับปรุงดัชนีการปล่อย CO2 สะสม 44.4% ในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุความสำเร็จในการปล่อย CO2 สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 จากการดำเนินงานผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมอนุรักษ์พลังงานในโรงงานผลิต การนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิล รวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    ยิ่งไปกว่านั้น แคนนอนยังได้ให้ความสำคัญต่อการเคารพในสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ซึ่งรวมถึงพนักงานและหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจของแคนนอน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตาม “นโยบายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบริษัทแคนนอน” แคนนอนได้ดำเนินการตรวจสอบความเหมาะสมด้านสิทธิมนุษยชนของทั้งกลุ่มบริษัทอย่างครอบคลุมในทุกมิติ รวมไปถึงการดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงานทุกคนของกลุ่มบริษัททั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ด้วยแนวทางนี้ แคนนอนมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงการริเริ่มด้านการปกป้องศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชนของผู้คน ตลอดจนปฏิบัติตามนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมภายในห่วงโซ่อุปทานอย่างครบถ้วน และปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณของ RBA[1] ในฐานะสมาชิกของหลักจรรยาบรรณแห่งพันธมิตรธุรกิจผู้มีความรับผิดชอบ (Responsible Business Alliance: RBA) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดำเนินงานเพื่อให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกมีความรับผิดชอบต่อสังคม


    [1] การกำหนดมาตรฐานเพื่อให้แน่ใจว่าสภาพการทำงานและห่วงโซ่อุปทานมีความปลอดภัย คนงานได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและมีศักดิ์ศรี และการดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมีจริยธรรม